ลดความอ้วนด้วยการกินกล้วยแบบคนญี่ปุ่น
ต้นตอสูตรลดความอ้วนด้วยกล้วยนั้น มาจากเภสัชกรนางหนึ่งได้คิดค้นขึ้นมา เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารให้กับสามีที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผลจากสูตรนี้ทำให้ลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม เธอจึงแนะนำสูตรนี้ลงบน MIXI ชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
หลังจากนั้นไม่นานก็มีการนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ “สูตรการรับประทานกล้วยในมื้อเช้า” และจำหน่ายไปกว่า 730,000 เล่ม อีกทั้งยังได้รับการแปลเป็นภาษาเกาหลีและไต้หวัน
ความดังระเบิดของสูตรลดความอ้วนนี้ยังไม่หนำใจ เมื่อรายการทีวีดรีม เพรช-ซา ได้เผยแพร่เรื่องราวของคูมิโกะ โมริ นักร้องโอเปร่า เจ้าของน้ำหนักตัวร่วมร้อยกิโลกรัม ที่สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 7 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ สูตรลดน้ำหนักด้วยกล้วยจึงฮิตติดลมบน ส่งผลให้กล้วยขาดตลาดในเวลาต่อมา
มาดูกันหน่อยว่า สูตรลดอ้วนด้วยกล้วยนั้น เค้าทำกันอย่างไร
เริ่มจากการรับประทานกล้วย 1 ผล หรือมากกว่าที่ต้องการ พร้อมกับน้ำในมื้อเช้า จากนั้นก็รับประทานอะไรก็ได้ในมื้อกลางวันและมื้อเย็น แต่ต้องทานก่อน 2 ทุ่ม อาจจะเพิ่มอาหารว่างตอนบ่าย 3 แต่ห้ามทานของหวานหลังมื้ออาหารโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
จะได้ผลหรือไม่คงต้องทดลองกันดู แต่สำหรับศาสตราจารย์มาซาฮิโกะ โอคาดะ แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นิงาตะ ให้คำแนะนำว่า ร่างกายคนเราต้องการสารอาหารหลักอยู่ 3 อย่าง คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน หลักการที่สำคัญคือ การสร้างความสมดุลของสารอาหารสามชนิดนี้ และจำนวนแคลอรี่ที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละวัน ถ้าเข้าใจหลักการนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สูตรลดความอ้วนใดๆ เลย
จะว่าไปแล้ว กล้วยไม่ใช่สูตรลดความอ้วนอันดับแรกที่ได้รับความนิยมของชาวญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านั้น เคยมีสูตรลดอ้วนสารพัดสูตรอย่าง นัตโตะ(ถั่วหมัก) ที่ขายดีหมดเกลี้ยงตามห้างสรรพสินค้า สูตรจิ๊กโฉ่ว น้ำแครอท นมถั่วเหลือง คินาโกะ(แป้งถั่วเหลืองย่าง) สูตรแอปเปิ้ล วุ้นกะทิ โกโก้ และพริกหยวก หรือแม้แต่สูตรอาหารเด็กอย่างกล้วยและไข่ต้ม
สูตรลดความอ้วนสูตรไหนๆ คงไม่สำคัญเท่ากับวินัยและความตั้งใจ หากคิดจะลดความอ้วนตามสูตรที่ว่า แต่ยังคงรับประทานของหวาน หรือรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง และไม่ออกกำลังกาย ก็คงจะช่วยลดได้ไม่มาก แถมร่างกายอาจขาดสารอาหารที่ต้องการได้
หลังจากนั้นไม่นานก็มีการนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ “สูตรการรับประทานกล้วยในมื้อเช้า” และจำหน่ายไปกว่า 730,000 เล่ม อีกทั้งยังได้รับการแปลเป็นภาษาเกาหลีและไต้หวัน
ความดังระเบิดของสูตรลดความอ้วนนี้ยังไม่หนำใจ เมื่อรายการทีวีดรีม เพรช-ซา ได้เผยแพร่เรื่องราวของคูมิโกะ โมริ นักร้องโอเปร่า เจ้าของน้ำหนักตัวร่วมร้อยกิโลกรัม ที่สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 7 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ สูตรลดน้ำหนักด้วยกล้วยจึงฮิตติดลมบน ส่งผลให้กล้วยขาดตลาดในเวลาต่อมา
มาดูกันหน่อยว่า สูตรลดอ้วนด้วยกล้วยนั้น เค้าทำกันอย่างไร
เริ่มจากการรับประทานกล้วย 1 ผล หรือมากกว่าที่ต้องการ พร้อมกับน้ำในมื้อเช้า จากนั้นก็รับประทานอะไรก็ได้ในมื้อกลางวันและมื้อเย็น แต่ต้องทานก่อน 2 ทุ่ม อาจจะเพิ่มอาหารว่างตอนบ่าย 3 แต่ห้ามทานของหวานหลังมื้ออาหารโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
จะได้ผลหรือไม่คงต้องทดลองกันดู แต่สำหรับศาสตราจารย์มาซาฮิโกะ โอคาดะ แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นิงาตะ ให้คำแนะนำว่า ร่างกายคนเราต้องการสารอาหารหลักอยู่ 3 อย่าง คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน หลักการที่สำคัญคือ การสร้างความสมดุลของสารอาหารสามชนิดนี้ และจำนวนแคลอรี่ที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละวัน ถ้าเข้าใจหลักการนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สูตรลดความอ้วนใดๆ เลย
จะว่าไปแล้ว กล้วยไม่ใช่สูตรลดความอ้วนอันดับแรกที่ได้รับความนิยมของชาวญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านั้น เคยมีสูตรลดอ้วนสารพัดสูตรอย่าง นัตโตะ(ถั่วหมัก) ที่ขายดีหมดเกลี้ยงตามห้างสรรพสินค้า สูตรจิ๊กโฉ่ว น้ำแครอท นมถั่วเหลือง คินาโกะ(แป้งถั่วเหลืองย่าง) สูตรแอปเปิ้ล วุ้นกะทิ โกโก้ และพริกหยวก หรือแม้แต่สูตรอาหารเด็กอย่างกล้วยและไข่ต้ม
สูตรลดความอ้วนสูตรไหนๆ คงไม่สำคัญเท่ากับวินัยและความตั้งใจ หากคิดจะลดความอ้วนตามสูตรที่ว่า แต่ยังคงรับประทานของหวาน หรือรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง และไม่ออกกำลังกาย ก็คงจะช่วยลดได้ไม่มาก แถมร่างกายอาจขาดสารอาหารที่ต้องการได้
cradit : never-age.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น